Search
Close this search box.

สวัสดีคร้าบ กลับมาเจอกับผมในโหมดอัพบล็อกกันอีกแล้ว เดี๋ยวจะเริ่มทัวร์แมวจร 2013 “ซะกุระมิ” กันเลยก็แล้วกัน!

ก่อนอื่นต้องขอเล่าความเป็นมาของทัวร์แมวจร 2013 กันก่อน เรื่องมันเริ่มขึ้นมาเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 ตอนแรกว่าจะวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นกันกับแม่และน้องสาวสักหน่อย ว่าจะไปเที่ยวนิกโก้กันในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม หลังจาก Golden Week วางแผนเอาไว้อย่างดี ทั้งตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และแผนการเดินทาง ว่าจะไปดูดอกฟูจิด้วย ช่วงนั้นกำลังบาน สวยงามมากๆ

แต่ทว่า…

ในเดือนมีนาคม ผมก็เริ่มเข้ามาทำงานประจำ กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน ถ้าจะขอลากิจ เพื่อไปท่องเที่ยว คงจะดูไม่ดีกับประวัติการทำงานแน่ๆ …
สำหรับผม แผนการที่วางไว้ ก็เป็นอันต้องพังทลายลง… แต่แม่กับน้องสาวก็ยังไปกันอยู่ …
ตอนนั้นโคตรจะจิตตกเลยที่เดียว อยากไปก็อยากไป แต่แม่ก็ไม่อยากให้ลางาน จะทำไงดี …
ผ่านไปประมาณช่วงปลายเดือนมีนาคม ก็เห็นโปรแกรมทัวร์ของที่ที่หนึ่งเข้า น่าสนใจมาก ตรงที่ไปช่วงหยุด 5 วัน ช่วงสงกรานต์พอดี ไม่ต้องลางาน แล้วก็เป็นแพ็คเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักเท่านั้น ราคาถูกด้วย (แต่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียตนาม ก็พอจะรับได้) ไม่มีโปรแกรมเที่ยวตายตัว แสดงว่าเราวางแผนเที่ยวเองได้อิสระ ในช่วงสามวันที่อยู่ในญี่ปุ่นเต็มๆ!
โอเค เอาก็เอา แต่ต้องปรับแผนสักหน่อย ไปช่วงสงกรานต์คงจะยังไม่มีดอกฟูจิให้ดู งั้นไปชมดอกซากุระแทนก็ได้…
ก็เลยออกมาเป็นทัวร์แมวจร 2013: ซะกุระมิ นี่แหละครับ

จบการเกริ่นแล้ว เข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมตัวดีกว่า ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และการเดินทางไปกลับสนามบินไม่ต้อง ที่ผมต้องทำคือ วางแผนเที่ยวตลอดทั้งสามวันให้เรียบร้อย แล้วก็สั่ง data sim สำหรับใช้เล่น 3G ในญี่ปุ่น ซึ่งขั้นตอนการสั่งซิม 3G นี้ เดี๋ยวผมจะมาลงรายละเอียดทีหลังครับ

12 เม.ย. 56
มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 16:00 น. ช่วงสงกรานต์แบบนี้ ไม่แปลกที่จะมีคนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศกันเยอะ

ในสนามบินมีจัดนิทรรศการอยู่พอดี

นัดเจอกับกลุ่มทัวร์ เช็คอิน แล้วก็เข้าไปด้านใน กรุ๊ปนี้เดินทางด้วยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ โดยไปเปลี่ยนเครื่องที่เวียดนามก่อน

รอถึงหนึ่งทุ่มครึ่ง เครื่องก็ออกเดินทางไปสนามบินโฮจิมินห์ซิตี้ ถึงที่สนามบินเวลาประมาณสามทุ่ม

อาหารเย็นบนเครื่อง เป็นบะหมี่ปลา

เครื่องจะออกจากสนามบินเวลา 00:35 น.ของวันที่ 13 เม.ย. 56 เหลือเวลาอีกกว่าสี่ขั่วโมง งั้นเดินเล่นในนี้สักหน่อยละกัน

13 เม.ย. 56
เครื่องบินมาถึงแล้ว เนื่องจากเครื่องบินจอดไม่ไกลจากอาคารผู้โดยสารมาก ก็เลยเดินพื้นไปได้เลย ไม่มีงวงช้างมาเชื่อมเหมือนไทยเหรอนี่

ภาพสุดท้าย ก่อนที่ผมจะหมดแรง แล้วก็หลับไป พอต้องเดินทางแบบเปลี่ยนเครื่อง แล้วต้องอดนอนเนี่ย เหนื่อยไม่ใช่เล่นนะ แต่ราคาตั๋วเครื่องบินแบบนี้มันถูกกว่าเยอะเลยนี่นา =w=”

ตื่นมาตอนเช้า ก็ทานมื้อเช้า

เริ่มจะเดินทางเข้าบริเวณประเทศญี่ปุ่นแล้ว เลยมองออกไปทางด้านซ้ายของเครื่องเป็นระยะๆ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ ได้เห็นภูเขาฟูจิในมุมมองที่หาดูได้ยาก ถ้าเดินทางจากไทยไปลงที่โตเกียว จะเห็นอยู่ทางด้านซ้ายของเครื่องบิน หรือถ้าเดินทางจากโตเกียวกลับไทย จะเห็นทางขวาของเครื่องบิน เพราะเครื่องบินจะใช้เส้นทางบินบริเวณทะเลทางใต้ของญี่ปุ่น

ประมาณแปดโมงเช้าก็ถึงสนามบินนาริตะ

รอให้ทุกคนออกมากันครบก่อน แล้วก็นัดเจอกับไกด์ที่จะพาขึ้นรถบัสเดินทางไปโรงแรม

ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงโรงแรม แถวๆ สนานีรถไฟชินากาว่า ซีไซด์ ซึ่งอยู่ไกล้ๆ โอไดบะ แล้วก็อยู่ใกล้ๆ อาคารสำนักงานใหญ่ของราคุเต็น เว็บไซด์ร้านขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วย

ผมก็เอาของไปฝากไว้รวมกับคนอื่นๆ แล้วก็ไปรับซิม 3G ที่สั่งไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในไทย ให้มาส่งที่นี่ เป็นซิมของ B Mobile ประเภท Visitor Sim 1GB Prepaid สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่น มีปริมาณการรับส่งข้อมูลอยู่ที่ 1GB ใช้ได้ 14 วัน ราคา 3,980 เยน มีทั้งแบบซิมปกติ และไมโครซิม เดี๋ยวผมจะอธิบายวิธีการสั่งโดยละเอียดไว้ให้ในอนาคตฮะ

ทำการถอดซิมจากไทยออกไป แล้วก็ใส่ซิมของที่นี่แทน เพื่อป้องกันการเผลอใช้ Data Roaming เกินปริมาณที่กำหนด แล้วจะเจอค่าบริการที่แพงหูฉี่เมื่อกลับถึงไทย หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า พาเคชิ (パケ死 Pakeshi) ประมาณว่าเป็นการตายจากแพ็คเกจอินเตอร์เน็ตมือถือนั่นแหละ

แผนที่รถไฟในบริเวณโตเกียว สำหรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกๆ อาจจะตกใจกับความซับซ้อนของแผนที่ แต่ถ้าลองใช้บ่อยๆ ก็จะง่ายมากครับ

โอเค เก็บของเรียบร้อย เอาไปเฉพาะที่จำเป็น เตรียมเงิน และเตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวตอนหน้าจะเริ่มจรแล้ว แล้วเจอกันคร้าบ!

One Response

Leave a Reply